NJ NETWORK UPDATE

Bandwidth ทองคำในอากาศ

ผู้เขียนได้อ่านบทความจากนิตยสาร Time ฉบับเดือนมีนาคม 2553 หัวข้อเรื่อง “Bandwidth Is the New Black Gold” ซึ่งเป็น 1 ใน 10 แนวคิดสำหรับอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า จากรายงานของนิตยสาร Time ได้กล่าวถึงค่าบริการอินเตอร์เน็ตของชายคนหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งสูงถึง $22,000 หรือครอบครัวใน New York ส่วนใหญ่ที่ใช้ iPhone นั้น จะจ่ายค่าบริการอินเตอร์เน็ตราว $4,800 ได้ หากเขาเหล่านั้นเปิดระบบการรับส่งอีเมล์อัตโนมัติทิ้งไว้ในโทรศัพท์มือถือ

ผู้คนอเมริกันส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ยินดีที่จะจ่ายเงินเดือนละหลายร้อยดอลล่าร์ สำหรับค่าบริการสายสัญญาณอินเตอร์เน็ต เนื่องมาจากว่า Bandwidth นั้นคือขุมพลัง (Bandwidth is the Energy) ที่พวกเขารักเท่ากับรถยนต์ที่เขามีอยู่ ซึ่งเมื่อความต้องการมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แน่นอนว่า บริษัทฯ ผู้ให้บริการ ย่อมได้เปรียบในด้านการกำหนดอัตราค่าบริการอย่างแน่นอน

ความหมายของ Bandwidth ตามทฤษฎีแล้วคือ

“ปริมาณข้อมูลที่สามารถรับส่งได้ใน 1 ช่องทาง”

เทคโนโลยี 3G ในไทยนั้น เพิ่งเปิดตัวในช่วงปลายปีที่แล้ว (ธ.ค. 53) ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น หากผู้ใช้บริการกำหนดความต้องการเบื้องต้นของตนเองไว้ก่อน โดยใช้ระบบ 3G เป็นแบบ Pre-Paid คือจ่ายเงินเพื่อซื้อปริมาณการรับส่งข้อมูลไว้ก่อน หากเกินกว่าที่กำหนดไว้ ก็จะไม่สามารถใช้บริการได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้เขียนมีอินเตอร์เน็ตที่มีเสถียรภาพที่สำนักงานอยู่แล้ว ผู้เขียนใช้ 3G เฉพาะในการ Present ระบบที่จะ Integrate ให้กับลูกค้าเท่านั้น ผู้เขียนก็เลือกใช้บริการ 3G เป็นแบบ เดือนละ 299 บาท (MB ละ 50 สตางค์) รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ https://www.tot3g.net/service_promotions_detail.php?promotionsID=4 ซึ่งผลพลอยได้อีกอย่างก็คือ ผู้เขียนสามารถนำอินเตอร์เน็ต 3G นี้ มาเป็น Line Backup กับอินเตอร์เน็ตเฉพาะเส้นที่มีปัญหาในบริษัทฯ ได้อีกด้วย รายละเอียดการใช้ 3G เป็น Link Backup ในรูปแบบ VDO ดูได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้

การใช้ขุมพลังที่ไม่อาจสัมผัสได้นี้ (New Black Gold) ในเชิงธุรกิจ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบังคับทิศทางของ User ให้ใช้ได้ในแนวทางที่กำหนดเท่านั้น หากไม่สามารถบังคับทิศทางการใช้งานของ User ในองค์กรได้แล้ว ผลที่ได้นั้น จะเป็นผลเสียมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์กับองค์กร ซึ่งผู้เขียนได้เคยกล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้ในนิตยสารไมโครคอมพิวเตอร์ ฉบับเดือน เมษายน 53 ชื่อเรื่อง “การประยุกต์ใช้งาน TOT 3G กับองค์กร”

เราจะสามารถไว้ใจได้อย่างไร กับการคิดค่าบริการของผู้ให้บริการ 3G โดยหากคุณใช้ 3G กับ Computer หรือ Notebook ของคุณเครื่องเดียว คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจสอบปริมาณการใช้งาน โดยอาจหาโปรแกรมสักตัวมาตรวจจับปริมาณการใช้งาน ณ ช่วงเวลาที่กำหนดได้ เช่นโปรแกรม Bandwidth Monitor, DU Meter หรือโปรแกรมที่ให้มากับ USB 3G Modem เป็นต้น แต่หากคุณจำเป็นต้องนำ 3G ไปใช้กับองค์กร โดยให้ User หลายคนใช้แล้ว คุณสามารถตรวจสอบปริมาณการใช้งานได้อย่างไร ผมจึงขอนำเสนอบทความด้านเทคนิคด้านล่างนี้ เพื่อท่านจะได้ประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ ต่อไป

จัดเตรียมอุปกรณ์กันก่อน

1. Router ที่รองรับฟังก์ชั่น SNMP (Vigor 2910)
2. โปรแกรม PRTG
3. USB 3G Modem (Sierra 885)

ขั้นตอนที่ 1

กำหนดให้ Router ส่ง Log SNMP ไปยัง Server
เข้าไปที่อุปกรณ์ Vigor 2910 เมนู Sytstem Maintenance / Management ที่หน้าต่างฝั่งขวาหัวข้อ SNMP Setup กำหนดค่าตามนี้ (ภาพที่ 1)

Enable SNMP Agent = Yes (ติ๊กเครื่องหมายถูกไว้)
Get Community = public (จะกำหนดเป็นอะไรก็ได้)
Manage host IP = IP Address เครื่องที่ลงโปรแกรม PRTG
Trap Community = public

ภาพที่ 1 กำหนดให้ Router ส่ง Log SNMP ไปยัง Server

ขั้นตอนที่ 2

กำหนดค่าในโปรแกรม PRTG ให้รับค่าจาก Router

2.1 Download โปรแกรม PRTG กันก่อน ที่นี่ https://paessler.com หรือ https://corecasys.com/download/prtg.zip จากนั้นให้เลือกเป็น Free Edition แล้วคลิ๊ก Next ตามภาพที่ 2

ภาพที่ 2

2.2 Click PRTG Graphic Grapher ตามภาพที่ 3

ภาพที่ 3

2.3 Click Next ตามภาพที่ 4

ภาพที่ 4

2.4 ในหัวข้อ Data Acquisition Type เลือก SNMP แล้ว click Next ตามภาพที่ 5

ภาพที่ 5

2.5 ในหัวข้อ SNMP Sensor Type Selection เลือก Standard Traffic Sensor แล้ว click Next ตามภาพที่ 6

ภาพที่ 6

2.6 ในหัวข้อ Device Selection กำหนดค่าต่างๆ ตามนี้
- Device Name/Alias = ใส่ชื่ออุปกรณ์อะไรก็ได้
- IP Address /DNS Name = IP ที่ระบุไว้ใน Router ตามภาพที่ 1 และเป็น IP เครื่อง PRTG)
- SNMP Version = V1
- SNMP Port = 161
- SNMP Community String = public (ตามที่กำหนดไว้ใน Router)
- จากนั้นคลิ๊ก Next (ตามภาพที่ 7)

ภาพที่ 7

2.7 ในหัวข้อ Sensor selection โปรแกรม PRTG จะ detect interface ต่างๆ ของอุปกรณ์ Vigor 2910 โดยอัตโนมัติ ในที่นี้แนะนำให้เลือกเป็น WAN 2 อย่างเดียว เพราะ USB 3G Modem ถูกกำหนดไว้เป็น WAN 2 รายละเอียดตามภาพที่ 8

ภาพที่ 8

2.8 ในหัวข้อ Additional Settings คลิ๊กเครื่องหมายถูกที่ Create New Subgroup แล้วคลิ๊ก Finish ตามภาพที่ 9

ภาพที่ 9

2.9 เรียบร้อยแล้วครับโปรแกรม PRTG สามารถแสดงผลข้อมูลการใช้งาน Bandwidth ของ Vigor 2910 โดยจะตรวจจับที่ Interface WAN 2 แล้ว (ตามภาพที่ 10) แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับ เราต้องไประบุรอบระยะเวลาที่จะคำนวณปริมาณข้อมูลด้วย

ภาพที่ 10

2.10 การสร้างรอบบิล เพื่อคำนวณปริมาณการใช้ข้อมูล ที่คอลัมน์ View คลิ๊กเลือก Reports จากนั้นที่หน้าต่างฝั่งขวามือ View Reports คลิ๊ก Add ตามภาพที่ 11

ภาพที่ 11

2.11 ใน Tab Setting กำหนดค่าต่างๆ ดังนี้
- Report Name = ชื่ออุปกรณ์ อะไรก็ได้
- Report Period = เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันสิ้นสุดของเดือน (แล้วแต่เราจะกำหนด)
- จากนั้นคลิ๊กที่ TAB Sensor (ตามภาพที่ 12)

ภาพที่ 12

2.12 ที่ Tab Sensor เลือกอุปกรณ์ที่เราต้องการคำนวณปริมาณการรับส่งข้อมูล ตามภาพที่ 13 เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กด OK ได้เลย

ภาพที่ 13

2.13 ทีนี้เรามาดู Report การใช้ข้อมูลกันว่า สามารถดูได้อย่างไร โดยคลิ๊กขวา Report ที่เราสร้างขึ้น จากนั้นเลือก View ตามภาพที่ 14

ภาพที่ 14

2.14 จากนั้นจะปรากฏ Preiod ที่ต้องการดู เช่นเดือน April หรือ March เป็นต้น (ตามภาพที่ 15) ให้เลือกรายงานที่ต้องการดู แล้วคลิ๊ก OK ก็จะปรากฏรายงานตาม ภาพที่ 16

ภาพที่ 15

ภาพที่ 16

จะเห็นได้ว่า การคำนวณอัตราค่าบริการตามปริมาณการใช้งานข้อมูลนั้น จะคำนวณทั้งการรับและส่ง ปริมาณการใช้งานจึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียวหากไม่บังคับทิศทางการใช้งานของ User ให้รัดกุม หากเปรียบยุทธศาสตร์ทางการค้า กับยุทธศาสตร์ในสงครามแล้ว สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 นครเซี่ยงไฮ้ เกณฑ์ นักรบ นักเลง เพื่อเข้าทำสงคราม ขนไป 1 ลำเรือ ทุกคนกลับมา บ้างบาดเจ็บสาหัส บ้างพิการ บ้างประสาทหลอน เพราะนักรบและผู้คนเหล่านี้ ไม่ได้รู้มาก่อนว่า ตนเองต้องสู้กับอะไร พวกเขา ขนดาบ ขนปืน พกมีดไปเพื่อสู้รบกับเครื่องบินทิ้งระเบิด หากเราได้เรียนรู้แนวทาง และใช้พลังที่มิอาจจับต้องได้นี้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว พลังเหล่านี้ก็จะผลักดันให้เราได้อยู่รอด ช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจ ชุมชน สังคมให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ..... ผู้เขียนได้มองย้อนกลับไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน ได้เห็นผู้คนที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ปัจจุบันบางคนต้องเร่ขายของข้างถนนอย่างไม่มีทางเลือก หากบางคนยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ได้ก็ถือว่าน่ายกย่อง แต่หากบางคนไม่สามารถยอมรับในความเปลี่ยนแปลงได้ ก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เป็นอยู่ ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนอนัตตา (IT คืออนัตตา ความไร้ตัวตน) แม้ทุกสิ่งจะพัฒนาไปตามกาลเวลา แต่กฎแห่งธรรมชาติยังคงอยู่เช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ....... ยิ่งเราจน เราก็ยิ่งต้องมีศักดิ์ศรี เพราะหากเราจนและไร้ซึ่งศักดิ์ศรีแล้ว บางทีคุณค่าของเราในสังคมอาจไม่มีหลงเหลืออยู่ ให้เรียกว่าคนได้อีกต่อไป ..... เศรษฐกิจแบบทุนนิยม ทำให้ผู้คนในสังคมให้ความสำคัญกับเงินมากถึงเพียงนี้