ไขข้องข้องใจของบริการ Fix IP Anywhere กับบริการ VPN แบบ Forward Port
สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจของบริการ Fix IP Anywhere ให้ทุกท่านได้ทราบกัน .... มีบางคนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Fix IP Anywhere .. เข้าใจว่า Fix IP Anywhere เป็น VPN บ้าง แล้วแถมบางคนก็ยังเอาไปเปรียบเทียบกับบริการ VPN แบบ Forward Port ของต่างประเทศบ้าง และก็มีบางคนที่พูดบอกว่า Fix IP Anywhere มีการจัดเก็บ Log ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลบ้าง วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจต่างๆ เหล่านี้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน
ประเด็นแรก บริการ Fix IP Anywhere ไม่ใช่ VPN นะครับ
ผมจะบอกกับลูกค้าเสมอว่า อุปกรณ์ Fix IP Anywhere นั้น ให้คุณคิดว่า มันคือ Switch จาก DATA Center ..... อุปกรณ์ตัวนี้จะไม่คิด และคำนวณเส้นทาง หรือมีการทำ Routing ใดๆ เลย ลูกค้าที่ใช้บริการ Fix IP Anywhere จะได้ Public IP เป็นของตัวเอง ซึ่งเมื่อเอา Public IP ตัวนี้ Set ค่าเข้าไปที่อุปกรณ์ของลูกค้า แล้วเอาอุปกรณ์ของคุณมาเสียบเข้ากับอุปกรณ์ Fix IP Anywhere อุปกรณ์ตัวนั้นก็จะสามารถใช้งานได้จากทุกที่ ทั่วทุกมุมโลก สิ่งนี้คือข้อแตกต่างที่สำคัญนะครับ เพราะ Fix IP Anywhere มันจะไม่มีการ Forward Port ใดๆ เลย ซึ่งมันต่างจากบริการ VPN แบบ Forward Port ของต่างประเทศอย่างมากนะครับ
การ Forward Port นั้น ลูกค้าจะใช้บริการได้ไม่ทุกๆ Service นะครับ เพราะ Service บางตัว ไม่สามารถระบุ Port ได้ ยกตัวอย่างเช่น Service GRE ซึ่งเป็น Protocol ย่อยของ VPN เป็นต้น ผมจะให้ยกตัวอย่างให้เป็นรูปธรรมเลยนะครับ อย่างเช่น ถ้าคุณเอา Fix IP Anywhere ไปทำ VPN Server แบบ IPSEC คุณใช้งานได้แน่นอน แต่หากคุณใช้ VPN แบบ Forward Port จากต่างประเทศ เอามาทำ VPN Server แบบ IPSec คุณก็จะพบกับปัญหาต่างๆ มากมาย เพราะว่า Service ที่ Forward มานั้น มันไม่สามารถที่จะ Forward มาได้ทุกๆ Service นะครับ โปรโตคอลบนอินเตอร์เน็ต มันมีมากมายหลายตัวนะครับ ผมพูดไม่หมด อย่างเช่น ICMP, OSPF, IGRP และยังมีโปรโตคอลอื่นอีกมากมาย
ประเด็นที่ 3 มาเปรียบเทียบความเร็ว VPN จากต่างประเทศ และบริการ Fix IP Anywhere
มาดูกันที่ VPN จากต่างประเทศกันก่อน VPN จากต่างประเทศนั้น ผมขอทดสอบเชื่อมโยง VPN แบบ PPTP ไปที่ Server ของ Australia นะครับ เพราะข้อมูลที่เขาแจ้งไว้หน้าเว็บ Server ของ Australia ทำเวลาได้ดีที่สุดแล้ว
และมาดู Speed Test ของบริการ Fix IP Anywhere กัน
มาวิเคราะห์ค่า Ping Time ใน Speed Test กัน เส้นทางการรับส่งข้อมูลของ VPN จากต่างประเทศนั้น จะวิ่งจากคอมพิวเตอร์ของเรา ไป Server ที่ออสเตรเลีย และไปทดสอบ Server Speedtest ที่ Server ใน Sydney
เส้นทางการรับส่งข้อมูลของ Fix IP Anywhere จะวิ่งจาก Public IP ของลูกค้า ไปยัง Gateway ของ Fix IP Anywhere ที่เป็น 103.164.x.x ซึ่งเป็น Server ในเมืองไทย ซึ่งตรงนี้ เราใช้ Bandwidth Domestic นะครับ คือวิ่งในประเทศเท่านั้น
สรุป ชัดๆนะครับ 1. Fix IP Anywhere ไม่ใช่ VPN 2. Fix IP Anywhere จัดเก็บ log ตามกฎหมายกำหนดเท่านั้น 3. Fix IP Anywhere เทียบกับบริการ VPN ของต่างประเทศ (ตามที่บางคนเอาไปเปรียบเทียบแบบเข้าใจผิด) ผมทดสอบให้เห็นแล้วนะครับว่า Fix IP Anywhere เร็วกว่า เสถียรภาพดีกว่า VPN มากครับ
สุดท้ายผมขอแนะนำแบบนี้นะครับ ก่อนที่คุณจะเลือกใช้บริการ VPN จากต่างประเทศ หรือบริการ Fix IP anywhere ขอให้คุณพิจารณาจากความเหมาะสมกับการใช้งานเป็นหลักครับ เช่นถ้าคุณอยู่ต่างประเทศแล้วต้องการจะมี Public IP ในเมืองไทย คุณอยากจะดูรายการทีวีในไทยเช่น ช่อง MONO29, ช่องเวอร์คพอยต์ หรือดู AIS Play พวกนี้ ซึ่ง Server ต่างๆ เหล่านี้จะกำหนดเอาไว้ว่า ถ้าไม่ใช่ IP ในเมืองไทย จะไม่ให้ดู Content หรือเนื้อหาต่างๆ เหล่านี้ในเมืองไทย คุณสามารถเลือกใช้บริการ VPN จากต่างประเทศได้เลย แต่ถ้าหากคุณต้องการจะตั้ง Server ในเมืองไทย และคุณต้องการให้ Users ต่างๆ เข้าถึง Server ของคุณ ทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ ผมแนะนำให้ใช้ Fix IP Anywhere จะดีกว่า เพราะ Server Fix IP Anywhere ตั้งอยู่ในไทย สิ่งที่เหนือกว่าก็คือความเร็ว และเสถียรภาพ ครับ